วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

ว่าด้วยทรงผมของท่านนบี




ทรงผมของท่านนบีนั้น ในบางครั้งท่านนบีไว้ถึงติ่งหู และในบางครั้งท่านไว้ถึงบ่าหรือไหล่ หรือผมเหยียบลำคอ และท่านไม่เคยไว้เลยบ่า ส่วนทรงผมที่ท่านนบีได้ห้ามไว้นั้น คือ การตัดหรือโกนส่วนหนึ่ง และไว้อีกส่วนหนึ่ง ส่วนที่ถูกตัดหรือโกนกับส่วนที่เหลือไว้ เห็นได้อย่างชัดเจน เพราะครั้นท่านนบีเห็นเด็กคนหนึ่ง ตัดผมอย่างที่ได้กล่าวไว้(การตัดหรือโกนส่วนหนึ่ง และไว้อีกส่วนหนึ่ง) นบีจึงกล่าวความว่า “เด็กเอ๋ย เจ้าจงตัดทั้งหมดหรือไว้ทั้งหมด” รายงานโดย อะห์หมัด อะบูดาวูด นะซาอีย์ ด้วยสะนัดที่ซ่อฮีฮ(ถูกต้อง)

ส่วนซุนนะห์เกี่ยวกับทรงผมของท่านนบีศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม อุลามาอฺส่วนใหญ่ ถือว่าเป็น ซุนนะห์อาดะห์ของท่านนบีหรือแปลว่า แบบอย่างของท่านนบีในชีวิตประจำวัน หรือ ชีวิตปกติของท่านนบีในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

ซุนนะห์ มีอยู่ 2 ประเภท
1.ซุนนะห์อาดะห์ (แบบอย่างของท่านนบีในชีวิตประจำวัน)
2.ซุนนะห์อีบาดะห์ (แบบอย่างของท่านนบีในเรื่องการปฎิบัติศาสนกิจ)

ซุนนะห์ที่ต้องปฏิบัติตามจริงๆ คือ ซุนนะห์อีบาดะห์ ส่วนซุนนะห์อาดะห์ เราจะตามหรือไม่ตามก็ได้ แต่ถ้าคนๆหนึ่ง เขาตามเพราะเขารักและอยากปฏิบัติตามท่านนบีในทุกอย่างก้าวชีวิตของเขา ไม่ว่าจะเป็น ซุนนะห์อีบาดะห์หรือซุนนะห์อาดะห์ นับว่าคือสิ่งที่ประเสริฐยิ่ง

ส่วนเรื่อง ชายไว้ผมเหมือนหญิง หญิงตัดผมเหมือนชาย อันนี้เป็นที่ต้องห้ามในอิสลาม และเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ชายเหมือนหญิงหรือหญิงเหมือนชาย ให้เราดูที่อุรุฟ คือ ทำเนียมที่เป็นที่รู้กันในสังคมนั้นๆ
วัลลอฮุอะอฺลัม

การกล่าวคำว่า "ญะซากัลลอฮ"





การกล่าวคำว่า ญะซากัลลอฮ เพียงอย่างเดียวนั้น โดยไม่มีคำว่า ค็อยร็อน เป็นถ้อยคำที่ไม่ค่อยสมบูรณ์และไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ เพราะถ้าเราศึกษาถึงความหมายของมันแล้ว แปลว่า ขออัลลอฮทรงตอบแทน และการตอบแทนของอัลลอฮนั้น มีสองอย่าง คือ หนึ่ง ตอบแทนสิ่งที่ดี สอง ตอบแทนสิ่งที่ไม่ดี
และเมื่อเราย้อนศึกษาจากชีวประวัติท่านนบี ก็ไม่ปรากฏเลยว่า ท่านกล่าวหยุดเพียงเเค่นั้น "ญะซากัลลอฮ" โดย ไม่มีคำว่า "ค็อยร็อน" เพราะมีหะดีษ รายงานจากท่าน อุซามะห์ บิน ซัยด์ ท่านนบีกล่าวว่า ใครที่มีคนทำดีให้ต่อเขา เขาจงกล่าวว่า "ญะซากัลลอฮ ค็อยร็อน" อีหม่าม อัลบานีย์ บอกว่า หะดีษนี้ ซ่อฮีฮ(ถูกต้อง)
และถ้อยคำนี้เป็นถ้อยคำที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัมเองได้เคยกล่าวแก่ชาวอันศอรว่า "ญะซากุมุลลอฮุ ค็อยร็อน" อีหม่าม อัลบานีย์ บอกว่า ฮะดีษนี้ ซ่อฮีฮ(ถูกต้อง)

*ฉะนั้นเพื่อความสมบูรณ์ของประโยคและเป็นอย่างจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ผู้กล่าวควรกล่าวประโยคให้ครบสมบูรณ์ (ญะซากัลลอฮู ค็อยร็อน แปลว่า ขออัลลอฮทรงตอบแทนสิ่งที่ดี หรือ สิ่งที่ดีกว่า)

ข้อแตกต่างมัสยิดกับมุศ็อลลา





หากกล่าวถึงความหมายโดยกว้างๆ แล้ว พื้นแผ่นดินทั้งหมดคือ มัสยิด

เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวความว่า : ...สำหรับฉันแล้วผืนแผ่นดินทั้งหมดเป็นมัสยิดและสะอาด(คือสามารถใช้เป็นที่เคารพภักดีอัลลอฮฺได้ทุกแห่ง) เพราะฉะนั้นผู้ใดในหมู่ประชาชาติของฉันที่ถึงเวลาสำหรับการละหมาดก็จงทำการละหมาด(ณ ผืนแผ่นดินแห่งนั้น)… (รายงานโดยอัล-บุคอรีย์ : 335 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน, มุสลิม : 521)

แต่หากกล่าวถึงความหมายที่เจาะจงแล้ว มัสยิด คือ สถานที่ที่ถูกเตรียมไว้สำหรับละหมาดเป็นการถาวร ไม่ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยกับก้อนหิน หรือ ดินเหนียว หรือ ปูนซีเมน หรือ กระทั่ง มันไม่ถูกสร้าง อย่างใหญ่โตก็ตามที

ส่วน มุศ็อลลา คือ ที่หรือสถานที่ที่มนุษย์ทำเป็นที่ละหมาด แต่ไม่ได้เป็นสถานที่สำหรับละหมาดเป็นการถาวรเหมือนมัสยิด เพียงแค่มนุษย์ใช้ที่ที่หนึ่งเป็นการชั่วคราวเพื่อทำการละหมาด

หลักฐาน คือ นบีจะละหมาดสุนัตที่บ้านของท่าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบ้านของท่านคือ มัสยิด
และอีกหลักฐานหนึ่ง คือ ศอฮาบะห์ท่านหนึ่งเคยเชิญท่านนบีไปที่บ้าน เพื่อให้นบีละหมาดตรงที่ที่เขาต้องการทำสถานที่แห่งนั้นเป็นมุศ็อลลาในบ้าน โดยที่มันไม่ใช่มัสยิด

*สรุปคือ มุศ็อลลาคือที่ที่มนุษย์ได้ทำเป็นที่ละหมาดโดยที่ไม่ได้เจาะจงว่ามันคือมัสยิด เป็นที่สำหรับละหมาดของบุคคลทั่วไป เพราะมัสยิดจะเป็นที่รู้กันและเจาะจงว่าสถานที่แห่งนี้มีไว้สำหรับละหมาด

วัลลอฮูอะอฺลัม

อิสลามกับความสำคัญในด้านการศึกษา



อิสลามเป็นศาสนาที่ให้ความสำคัญในเรื่องการศึกษาอย่างยิ่ง เนื่องจากการศึกษาเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตของมนุษย์ เป็นหัวใจของความเจริญ ดังที่ได้รู้กันว่าการ ดำเนินชีวิตของมนุษย์ในด้านต่างๆจำเป็นต้องอาศัยวิชาความรู้จึงจะได้รับผลความสำเร็จ ซึ่งอิสลามได้เริ่มด้วยอายะฮฺที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้มีการศึกษาหาความรู้ อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อะลัก: 1-5) การศึกษาเป็นหน้าที่สำหรับมุสลิมทุกคน เช่นที่ท่าน รอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวไว้มีความว่า “การศึกษาหาความรู้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคน” (รายงานโดย อิบนุ มาญะฮฺ) มุสลิมทุกคนจึงต้องเอาใจใส่ในเรื่องการหาความรู้เพื่อให้เข้าใจศาสนาและปฏิบัติได้ถูกต้อง โดยต้องหาความรู้ที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ในโลกนี้หรือโลกหน้า

หนทางสู่ความสำเร็จในการดะอฺวะฮฺ


1.ดาอีย์ทั้งหลายจะต้องเป็นผู้ที่ถูกรักใคร่จากผู้คน
2.อ่อนโยนในการดะอฺวะฮฺไปสู่อัลลอฮฺ
3.มีความบริสุทธิ์ใจเพราะคำพูดของผู้มีความความบริสุทธิ์ใจนั้น ย่อมเข้าถึงหัวใจ
4.ความรู้ที่ถูกต้องและมีที่มาที่ไป(จากตัวบทหลักฐาน)
5.เป็นข้อที่สำคัญที่สุด คือ ความถ่อนตนต่ออัลลอฮฺ ก่อนการปราศรัยหรือบรรยาย
6.รักษาเวลา เพราะมันคือสมบัติที่มีค่าที่สุดสำหรับท่าน
7.อ่อนน้อมถ่อมตนต่อมัดอู(ผู้ที่ท่านดะอฺวะฮฺ)
โดย ชัยคฺ วะหีด บิน อับดุสสะลาม บาลี หะฟิเซาะฮุลลอฮ
สร้างสรรค์โดย ZunnurMedia